เกาลัดเป็นอาหารว่างตระกูลถั่วที่เป็นที่นิยมในเอเชียเป็นอย่างมาก นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยถูกปากผู้คนแล้วเกาลัดยังมีประโยชน์ที่เป็นมิตรต่อสุขภาพและที่สำคัญเกาลัดยังมีประวัติความเป็นที่ยาวนานอีกด้วย
สารบัญเนื้อหา
ประวัติความเป็นมาและต้นกำเนิดของเกาลัด
เกาลัด เป็นไม้ยืนต้นที่อยู่ในสกุล Castanea ที่สามารถพบได้ในเขตภูมิอากาศเย็น ซึ่งนิยมนำมาเพาะปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อจำหน่ายเมล็ดในการบริโภค
มีต้นกำเนิดในเอเชียไมเนอร์ เชื่อกันว่าชาวกรีกโบราณเป็นคนแรกที่แนะนำและปลูกเกาลัดในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน
เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน ต่อมาชาวโรมันมีหน้าที่รับผิดชอบในการขยายการเพาะปลูกไปยังยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ
และตอนกลาง อีกทั้งยังคิดว่าชื่อละติน Castanea มาจากเมือง Castanea ในจักรวรรดิโรมันที่มีต้นไม้ชนิดนี้อยู่ทั่วไปโดยเฉพาะ
เกาลัดไม่เพียงขายและแลกเปลี่ยนเท่านั้น ต้นเกาลัดมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไม้ของเกาลัดยังเป็นไม้ที่ดีเยี่ยมอีกด้วยไม้ที่สวยงามและทนต่อการเน่าเปื่อยถูกนำมาใช้ในทุกสิ่งตั้งแต่เสาไร่องุ่นและเสารั้วไปจนถึงไม้เข้าข้างและสะพานไม้
และเป็นแหล่งสำคัญของแทนนินที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องหนัง ต้นโอ๊ก ต้นสน และไม้ผลไม่ได้มีประโยชน์มากเท่ากับเกาลัด
ไม่มีต้นไม้ชนิดใดในประวัติศาสตร์ที่มีประโยชน์หรือความสำคัญมากเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เกาลัดถูกปลูกโดยทุกวัฒนธรรมที่สำคัญ
ในทวีปเอเชียถือว่าเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคเกาลัดรายใหญ่ที่สุดในโลก ในญี่ปุ่นได้รับการบันทึกไว้เป็นถั่วที่พบในหมู่บ้านโบราณและได้มีการนำเกาลัดมาทำเป็นอาหารเมื่อ 9,000 ปีที่แล้ว ดังนั้นญี่ปุ่นจึงมีผู้ผลิตและผู้บริโภคมากที่สุด
ข้อมูลพฤกษศาสตร์เกาลัด
ชื่อภาษาอังกฤษทั่วไป : Chestnut tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Castanea spp.
ตระกลู : Fagaceae
ลักษณะของต้นเกาลัด
ลักษณะลำต้น
ลำต้นเกาลัดมีลักษณะหนาสีเทา เปลือกสีน้ำตาลตามลำต้นจะมีรอยแยกหลากหลายแบบ ต้นเป็นทรงพุ่มโปร่ง เป็นไม้ยืนต้น มีความสูงประมาณ 50-75 ฟุต ต้นเกาลัดจะผลัดใบง่ายมาก
ลักษณะใบ
ใบเรียงยาวมีรูปร่างเหมือนเรือแคนู ตามขอบใบมีรอยแหลมไปทั่วขอบ มีความยาวประมาณ 16-28 ซม. และมีความกว้าง 5-9 ซม. ใบเกาลัดมีก้านที่สั้นมากติดอยู่กับต้นมีความยาวประมาณ 2-10 ซม. เมื่อแห้งก้านจะมีสีชมพูเรื่อๆ เป็นใบเดี่ยวที่เรียงสลับกันขนานไปตามกิ่ง แผ่นใบด้านบนมีลักษณะเป็นมัน มีเส้นใยแบบร่างแหอย่างเห็นได้ชัด
ลักษณะดอก
มีลักษณะเป็นช่อพวงยาวสีเหลืองยาวแขนงไปตามปลายกิ่ง มีความยาวประมาณ 35 ซม. ส่วนมากจะเป็นเกสรตัวผู้จะมีลักษณะเป็นท่อยาวชูขึ้นออกนอกโคนดอกและอยู่ที่ด้านบนมีสีเหลืองและกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ เกสรตัวเมียเป็นละอองเกสรมีสีเขียวอยู่ตรงกลางดอก ดอกเกาลัดมีลักษณะ monoecious แปลว่า มีเกสรตัวผู้ตัวและตัวเมียในดอกเดียวกัน จึงสามารถผสมพันธ์ในดอกเดียวกันได้
ลักษณะผลและเมล็ด
ผลเกาลัดเป็นเดี่ยวอยู่รวมกันเป็นพ่วงที่ปลายกิ่ง มีลักษณะเปลือกแข็ง และถูกปกคลุมไปด้วยหนามแหลมรอบเปลือก ผลอ่อนเกาลัดจะมีสีเขียวและปิดสนิท ผลแก่จะมีสีน้ำตาลตัวเปลือกจะแยกออกจากกันทำให้เห็นเมล็ดด้านในประมาณ 1-3 เมล็ด
ที่อยู่ในผลเดียวกัน และลูกจะร่วงหล่นมาจากต้น หากพบเกาลัดในลักษณะแบบนี้แสดงว่าเกาลัดโตเต็มพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว
เมล็ดของเกาลัดจะมีสีน้ำตาลเข็ม ด้านในเมล็ดจะมีเหลืองนวล รสชาติหวาน เมื่อนำไปคั่วหรืออบแล้วจะมีกลิ่นที่หอมและสามารถเก็บได้นานหลายวันอีกด้วย
การเก็บเกี่ยวเกาลัด
เกาลัดจะเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนกันยายน – เดือนตุลาคม และไม่ใช่การเก็บจากต้น
แต่เป็นการปล่อยให้ร่วงหล่นลงมาจากต้นตามธรรมชาติ ห้ามเด็ดหรือเขย่าต้นและที่สำคัญอย่าเก็บเกาลัดที่มีลูกสีเขียว
และปิดสนิทเพราะข้างในจะยังไม่สุก วิธีที่ดีที่สุดคือการรอให้ร่วงลงมาเอง
เกาลัดมี 4 สายพันธุ์หลัก
1. เกาลัดญี่ปุ่น Japanese Chestnut
(ชื่อวิทยาศาสตร์: Castanea crenata) ต้นไม้ขนาดเล็กเป็นเกาลัดชนิดหนึ่งที่เป็นพืชพื้นเมืองของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ปลูกโดยชาวญี่ปุ่นมากว่า 2,000 ปี สูงถึง 40 ฟุต ใบคล้ายกับเกาลัดยุโรปขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย ออกดอกในฤดูร้อน ติดผลในฤดูใบไม้ร่วง
เมื่อเปรียบเทียบกับเกาลัดแบบตะวันตกหรือแบบจีนแล้ว เกาลัดญี่ปุ่นจะมีขนาดใหญ่กว่า มีกลิ่นหอมที่แรงกว่า และขึ้นชื่อในเรื่องผิวชั้นใน (pellicle) ที่ลอกได้ยากกว่า เกาลัดญี่ปุ่นมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ที่มีลักษณะแตกต่างกันไปตั้งแต่รสหวานไปจนถึงรสเข้มข้น
2. เกาลัดจีน Chinese chestnut
(ชื่อวิทยาศาสตร์: Castanea mollissima) เกาลัดจีนได้รับการปลูกฝังในเอเชียตะวันออกเป็นเวลานับพันปีจึงไม่สามารถระบุช่วงดั้งเดิมที่แน่นอนได้ และเนื่องจากวิวัฒนาการมาเป็นเวลานานเกาลัดจีนจึงสามารถอยู่ร่วมกับโรคเชื้อราเปลือกไม้ ดังนั้นเกาลัดจีนเป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อโรคเกาลัดมากที่สุด
เป็นไม้ผลัดใบในวงศ์ Fagaceae และเป็นสายพันธุ์ที่สำคัญที่สุดในแง่ของการผลิตเชิงพาณิชย์ ต้นไม้ขนาดเล็กที่แผ่กิ่งก้านสาขาในการเพาะปลูก สูงได้ถึง 40-50 ฟุต
3. เกาลัดอเมริกัน American chestnut
(ชื่อวิทยาศาสตร์: Castanea dentata) เป็น ต้นไม้ ผลัดใบ ขนาดใหญ่มีความสูงถึง 98 ฟุต ของตระกูลบีชซึ่งมีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือตะวันออก เกาลัดอเมริกันเป็นต้นไม้ป่าที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่งตลอดช่วง เนื่องจากสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วและมีขนาดใหญ่ เกาลัดอเมริกันจึงมักเป็นลักษณะเด่นในภูมิประเทศทั้งในเมืองและชนบท
ไม้เกาลัดเป็นไม้ที่ทนต่อการผุ มีลักษณะเป็นเส้นตรง และเหมาะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้าง ถือเป็นต้นเกาลัดที่ดีที่สุดในโลก สายพันธุ์นี้ใกล้จะสูญพันธุ์เนื่องจากโรคเกาลัด ( Endothia parasitica )
4. เกาลัดยุโรป European chestnut
(ชื่อวิทยาศาสตร์: Castanea sativa) หรือเรียกอีกชื่อว่า เกาลัดหวาน สายพันธุ์ของต้นไม้ในตระกูล Fagaceae มีถิ่นกำเนิดในยุโรปใต้และเอเชียไมเนอร์และปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกที่มีอากาศอบอุ่น สูงถึง 100 ฟุต ถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ
เกาลัดมีแป้งมากว่ามันฝรั่ง 2 เท่า มีไขมันค่อนข้างต่ำ มีเส้นใยและวิตามินซีสูง นอกจากนั่นยังคงเป็นพืชผลอาหารที่สำคัญในประเทศจีน ญี่ปุ่น และยุโรปใต้ ซึ่งมักจะนำบดเป็นอาหารสำหรับการทำขนมปัง จึงทำให้เกิดชื่อเล่นว่า “ต้นขนมปัง” (bread tree) เป็นแป้งที่ไม่มีกลูเตน